เก็บไว้บอ กตัวเอง เป็นกำลังใจ คนที่ทำงานห นั กเพื่อครอบครัว

คนทำงาน มักเจอเรื่องต่างๆมากมาย การเปลี่ยนแปลงของการทำงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานที่อาจจะทำให้ในบางครั้งนั้นหมด

กำลังใจในการทำงานบ้าง ฉนั้นวันนี้เราจึงอย ากจะขอฝากข้ อคิดเหล่านี้ไว้สำหรับคนทำงานเหนื่อยๆเพื่อไว้เป็นกำลังใจให้ตัวเอง

1.อ ย่ ากลัวกับการเปลี่ยนแปลง

ในยุคนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งในแง่บวกและแง่ลบ อ ย่ างรวดเร็วมากหล า ยๆ บริษัทที่เคยใหญ่โต และมั่นคง มาย าวนานกว่า 20-30 ปี กลับล้มลงไม่เป็นท่า หล า ยแห่งปิดตัวลงไป

ก็มีเยอะแต่ก็มีอีกหล า ยบริษัทเช่นกัน ที่ปรับตัว และ เปลี่ยนแปลงได้ไว เช่น บางบริษัทเพิ่งจะตั้งไข่ได้ไม่กี่ปี ก็สามารถเติบโตเคียงข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอายุกว่า 40-50 ปี ได้

พวกเรา ก็เหมือนบริษัท ถ้าเราเพิกเฉย เมินเฉย ต่อ การเปลี่ยนแปลง หรือ ไม่ใส่ใจที่จะพัฒนาตนเอง ในไม่ช้าเราก็จะถุกเปลี่ยนแปลงอ ย่ างแน่นอน เพราะ ในแต่ละปี จำนวนพนักงานที่ถูกทดแทนโดยเครื่องจักร และ AI มจำนวนสูงขึ้นทุกปี

และ มีการปลดพนักงานออ กมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยถ้าเรารอ หรือ ไม่กล้าที่จะเปลี่ยน หรือ ไม่พัฒนาตนเอง อีกไม่นานก็คงจะถูกระบบ หรือ เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ และ ในท้ายที่สุด โอกาสในการหางานทำ ก็แทบจะเป็นศูนย์

2.อ ย่ าหักโหมทำงานห นั ก จนลืมดูแลรั ก ษ าสุ ข ภ า พของตัวเอง

บริษัทเขาคงไม่เ สี ยใจ หรือ เ สี ยดาย การจากไปของเราอ ย่ างแน่นอนอ ย่ างมากเขาก็คงส่งพวงหรีด และ เงินค่าช่วยเหลือทำศ พให้ถ้าเราทำงานจนล้มป่ ว ย หรือ อาจจะต้อง เ สี ย ชี วิ ต ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น บริษัทก็จะหาคนใหม่มาแทนที่เราได้ในไม่ช้าแต่การสูญเ สี ยของเรา

มันกระทบต่อคนในครอบครัวมาก บางคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ของครอบครัว การจากไปของเขา กลับกล า ยเป็นการทิ้งภาระมากมายมหาศาล

เอาไว้ให้กับครอบครัว เช่น ห นี้สิน หรือ การข า ดร า ยได้ ดังนั้น จงอ ย่ าคิดว่า บริษัทจะตกที่นั่งลำบากถ้าไม่มีเรา คนที่ลำบากคือคนในครอบครัวของเราต่างหากจงอ ย่ าหั กโ ห มจนต้องล้มป่ ว ย จงทำงานให้เต็มที่และดีที่สุด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

3.อ ย่ ากังวล หรือ ใส่ใจกับทุกคำพูด หรือ ทุกสายต าของคนรอบข้างมากจนเกินไป

ยุคที่คนส่วน มากให้ความสำคัญกับเปลือ ก มากกว่าคุณค่าที่แท้จริงของคนคนเลือ กที่จะใช้ชีวิต เพื่อให้คนรอบข้างพอใจ และ เห็นว่าเขาเป้นคนสำคัญการทำแบบนี้ จะทำให้สูญเ สี ยความเป็นตัวของตัวเอง และ ยังติดนิสัยสร้างภาพหลอ กลวงคนอื่นไม่พอ

ยังหลอ กลวงและปิดบังความไม่มั่นใจของตนเองเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นๆ เห็นอีกด้วย ยิ่งทำ ยิ่งเป็นทุ ก ข์ ยิ่งทำยิ่งสูญเ สี ยตัวตน สุดท้ายไม่รู้ว่าใช้ชีวิตทุกวันนี้ เพื่อคนอื่น หรือ เพื่อตัวเองกันแน่ ดังนั้น อ ย่ าใส่ใจกับทุกสายต า หรือ คำพุดของคนอื่นๆ มากจนเกินไป

ควรไตร่ตรอง เลือ กใส่ใจกับข้ อเท็จจริง หรือ สิ่งที่สามารถนำไปปรับปรุง หรือ มีประโยชน์ต่อ การทำงาน หรือ การดำเนินชีวิตจะดีกว่าป่ ว ยกาย รั ก ษ าได้ ป่ ว ยทางจิตใจ ย ากที่จะรั ก ษ า และ อาจจะนำพาชีวิตพังได้

4.อ ย่ ากลัว หรือ อ ย่ าหนีปัญหา หรือ หนีในสิ่งที่ไม่ชอบ

โบราณเขาว่าเอาไว่ว่า ยิ่งหนี ยิ่งเ ก ลี ย ด ยิ่งเจอแน่นอนว่าการทำงาน ย่อมต้องเจอ กับปัญหาและอุปสรรค ถือเป็นเรื่องปรกติคนที่หลีกเลี่ยงปัญหาหรืออุปสรรคในตอนนี้ อาจจะต้องเจอ กับปัญหาหรืออุปสรรคที่ใหญ่ขึ้น ซับซ้อน มากขึ้น และย ากขึ้น แน่นอนในวันหน้าปัญหาและอุปสรรค ที่ผ่านเข้ามา

มันก็คล้ายๆ กับเราเล่นเกมส์ เกมส์ของชีวิต​ ที่เราต้องฝ่าฟัน ผ่านด่านแต่ละด่านไปให้ได้ เมื่อผ่านเรื่องปัญหาเล็กๆ หรือ อุปสรรคเล็กๆ ไปได้ ด่านถัดไป เราจะมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และ จะสามารถต่อสู้กับเรื่องที่ย ากขึ้นได้อ ย่ างสบาย ดังนั้น อ ย่ าเพิ่งหนี ส่ิงที่เรากำลังเจออยู่ อาจจะมีคนอีกมากมายที่เขาผ่าน มาได้แล้วจงหาคนเหล่านั้น ไปเรียนรู้วิ ธีการ และ แนวทางของเขาดู จะทำให้เราหาทางผ่านพ้นเรื่องปัญหา และ อุปสรรค ของเราไปได้ง่ายขึ้น

5.อ ย่ าทำงานแค่พอผ่าน เพราะงานของเรา คือ ภาพพจน์ของเราที่คนอื่นๆ มองเห็น

มันก็ใช่ ที่ว่า บางวันเราอาจจะเหนื่อย บางวันเราอาจจะเซ็งเจ้านาย บางวันเราอาจจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องเหล่านั้นไปลงกับผลงานที่เรากำลังจะทำ หรือ ต้องทำเพราะ การทำงานด้วย อารมณ์ที่แปรปรวน หรือ อารมณ์ที่ขุ่น มัว ยิ่งจะทำให้งานออ กมาแย่ หรือ เ สี ยห า ยได้ชิ้นงานแต่ละงาน ที่ผ่าน มือเรา

ไม่ว่าจะเป็นงานง่าย หรือ งานเล็กๆ หรือ งานใหญ่ๆ เราล้วนต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับทุกงาน ทั้งสิ้น เพราะทุกชิ้นงาน ที่ทำโดยเรา คนอื่นเขามองออ ก

เขาสามารถรู้ได้ว่า เราทำด้วความตั้งใจ และ เต็มที่กับมันหรือเปล่าภาพลักษณ์ภายนอ ก แค่หน้าต าหรือ การแต่งกายสำคัญก็จริง แต่ภาพลักษณ์จากผลงานที่เราทนั้นสำคัญยิ่งกว่า ยิ่งถ้าได้ทั้งภาพลักษณ์ภายนอ กเราดูดีด้วย ผลงานก็ดีด้วย อ ย่ างไรก็รุ่งแน่นอน

6.อ ย่ ากลัวที่จะผิ ดพลาด เพราะ ทุกคนล้วน มีโอกาสพลาดกันได้ทั้งนั้น

จริงแล้ว ความผิ ดพลาด คือสิ่งที่ดี เพราะความผิ ดพลาดที่เราก่อขึ้น คือ หลักฐานที่พิสูจน์แล้วว่า เราได้ลองลงมือทำแล้ว และ วิ ธีการนี้สรุปว่ามันไม่ Workด้วยมุมมองแบบนี้ จะทำให้เกิดการคิดสร้างสรรค์และหาหนทางใหม่ในการลองทำอีก ลองทำไป ลองผิ ดบ้าง

ลองถูกบ้าง เดี๋ยวจะเจอทางที่ใช่เอง กระบวนการนี้ เปรียบเสมือน เรากำลังทำออ กแบบหวิ ธีการ ผนวกกับการใช้ เข้าไปในการลงมือปฏิบัติถ้าเราไม่กลัวผิ ดพลาด เราก้จะได้ฝึกสองเรื่องนี้ไปแบบเนียนๆ และ ที่สำคัญ ทักาะสองตัวนี้ คือ ทักษะที่สำคัญ และทำมาหากินได้ง่ายมากในยุคนี้และยุคหน้าดังนั้น จงพลาดให้มาก จงเรียนรู้จากสิ่งที่พลาดให้เยอะ ทุกอ ย่ างคือ การลงทุนและประสบการณ์ ที่คืนทุนและมีกำไรมหาศาลให้กับเราในอนาคตได้อ ย่ างแน่นอน

7.อ ย่ าหยุดที่จะเรียนรู้

คนที่หยุดเรียนรู้ เท่ากับว่า เขาได้ทำล า ยอนาคตและอาชีพของเขาไปเรียบร้อยแล้วยิ่งตอนนี้ ความรู้มีการ update ตลอ ดเวลา ถ้าเราจะก้าวให้ทันกระแสการเปลี่ยนแปลง หรือ อย ากจะอยู่แนวหน้าในสายอาชีพของเรา เรายิ่งต้องไขว่คว้า หาความรู้เหล่านั้นทันทีการเรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ก็ต ามไม่มีใครแก่เกินเรียน และ ไม่มีใครเด็กจนจะเรียนเรื่องย ากๆ ไม่ได้เรียนเถอะครับ แต่เราก็ต้องรู้ว่าเรียนเรื่องอะไร เกี่ยวกับงานเราไหม เราจะใช้ประโยชน์จากที่เรียนนั้นอ ย่ างไร ไม่มีใครมีชีวิตที่แย่ลง จากการเรียนรู้ แต่คนที่เขาแย่ลง เกิดจากการเรียนไป แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้อ ย่ างไรมากกว่า

8.อ ย่ าคิดว่าตัวเราเอง คือ จุดศูนย์กลางของทุกเรื่อง

การมองจากมุมของ การให้ความสำคัญของตนเองเป็นหลัก ผลที่ต ามมาคือ การกล่าวโ ท ษคนอื่นๆ ทั้งที่ตัวเราเองผิ ด หรือ ไม่ดี​ หรือ จะทำแต่ในเรื่องที่ตัวเราเองได้ประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความสูญเ สี ยที่ผู้อื่นจะได้รับการกระทำแบบนี้ คือ การเห็นแก่ตัว กล่าวคือ มีทัศนคติที่เป็น ผลที่ต ามมา

ก็คือ เป็นคนที่ข า ดความสุข ชีวิตก็ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะอะไรที่ทำผิ ด ทำไม่ดี ไม่เคยยอมรับ เอาแต่โ ท ษคนอื่นๆ ทำแบบนี้ ก็จะไม่เกิดการเรียนรู้และการแก้ไข สุดท้าย ชีวิตก็ต้องจมอยู่กับความทุ ก ข์ด้วย เพราะการหลอ กตนเองทัศนคติแบบ คือ มองและให้ความสำคัญกับคนอื่นๆ เท่าๆ กับตัวเรา

จะทำให้ การทำงาน หรือ การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นง่ายขึ้น ที่สำคัญ เราเองจะมีความสุขมากขึ้น และ เป็นที่รักต่อคนรอบข้างมากขึ้เช่นกันเป็นอีกหนึ่งอาวุธทางจติใจ ที่ทำให้คนทำงานก้าวข้ามทัศนคติที่เป็นลบไปได้

9.อ ย่ ากลัวกับการเริ่มต้นใหม่

ความเคยชิน ความสบาย มันน่ากลัว ซึ่งหล า ยๆ คนเลือ กเดินทางนี้ เพราะรู้สึกว่าปลอ ดภั ยแต่หารู้ไม่ว่า ในโลกของการทำงานยุคนี้ ความปลอ ดภั ยในหน้าที่การงาน ไม่มีจริงอีกต่อไปแล้วงานที่ทำๆ กันอยู่วันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่มีแล้วก็ได้เรื่องของความเคยชิน ความสบาย ถ้าเ ส พติ ดมันอยู่นานๆ นานเกินไป

มันจะทำให้เราตกหลุมเข้าไปอยู่ในกล่องใบเล็ก กล่องที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะมอง หรือ คิด เพื่อที่จะเริ่ต้นกับสิ่งใหม่ๆที่สำคัญ สิ่งใหม่ๆ อาจจะไม่ได้น่ากลัวอ ย่ างที่เราคิด หรือ อ ย่ างที่เรากังวล เพียงแต่พอสบายมานาน ก็จะรู้สึกต่อต้านกับทุกเรื่องใหม่ๆ ที่ผ่านเข้ามา

มองสิ่งใหม่ คือ เรื่องท้าทาย และ ให้เรื่องท้าทายนี้ ถูกจัดการด้วยมัสมองและความสามารถของเราดีกว่าถ้าเราคิดแบบนี้ และทำแบบนี้ได้ การเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ เราก็จะไม่กังวล และ เผลอๆ ทำได้ดีกว่าที่คิดอีกด้วยผลลัพธ์ของการทำในส่ิงใหม่ๆ บ่อยๆ จะทำให้เราได้เจอ กับโอกาสใหม่ๆ เพื่อนกลุ่มใหม่ๆ หรือ เผลอๆ ได้งานใหม่ ง่ายยิ่งขึ้น

ที่มา  forlifeth

Related posts