3 สิ่งพ่อแม่ต้องขี้เกียจ ถ้าอย ากเห็นลูกได้ดีมีอนาคต

สำหรับพ่อแม่แล้วอะไรที่ทำให้ลูกได้ก็พร้อมจะทำเพื่อลูกเสมอ แต่เรื่องบางเรื่องนั้นพ่อแม่อาจจะนึกไม่ถึงว่ายิ่งทำให้ลูกเท่าไหร่ยิ่งทำร้ า ยลูกเท่านั้น เข้าใจว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่เคยผ่านความลำบากมาก่อน จึงไม่อย ากให้ลูกต้องพบเจอ กับความลำบากเหมือนตัวเองเจอมา จึงพย าย ามเลี้ยงลูกให้ได้รับความสบายมากที่สุด อย ากได้อะไรก็หาให้หมด

จนทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้องพย าย ามอะไรก็ได้ทุกอ ย่ างที่ต้องการมาแล้วซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ จะส่งผลในระยะย าวและกล า ยเป็นปัญหาให้ลูกเองเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ กล า ยเป็นคนไม่รู้จักความลำบาก ดังนั้นหากพ่อแม่รักลูกจริง ๆ ต้องขี้เกียจใน 3 เรื่องนี้ โดยวิจัยจากต่างประเทศได้เผยว่า 3 เรื่องต่อไป หากผู้เป็นพ่อแม่สามารถเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้ องด้วย น้อยที่สุด จะยิ่งส่งผลดีกับลูกมากที่สุด

1. ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

พ่อแม่ต้องขี้เกียจต ามเก็บกวาดให้ลูกทุกอ ย่ าง ควรปล่อยให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองบ้าง บางสิ่งที่ลูกสามารถทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องยื่น มือเข้าไปช่วยทุกครั้งไป เช่น ห้องนอนลูกที่ดูไม่เป็นระเบียบ แค่เตือนให้เขารู้ตัวว่าต้องทำ แต่ไม่ต้องไปทำให้ลูกเราควรจะเน้นไปที่การสอนให้ลูกดูแลความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน เช่น ห้องรับแขก ห้องรับประทานอ าห า ร และเมื่อลูกเห็นว่า

พื้นที่อื่นในบ้านสะอาด เขาจะรู้สึกว่า เขาต้องทำความสะอาดห้องนอนตัวเองให้สะอาดเหมือนกันผลปรากฎว่า เมื่อพ่อแม่ขี้เกียจช่วยเหลือลูกในบางเรื่อง ส่งผลให้ลูกฝึกทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง มากขึ้น และเป็นการฝึกนิสัยพึ่งพาตัวเอง มีความรับผิ ดชอบต่อสิ่งรอบตัว และจะทำให้ลูกมีความรับผิ ดชอบต่อตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาโตไปจะกล า ยเป็นคนที่สามารถรับผิ ดชอบได้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง

2. ขี้เกียจบ่น ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ในหล า ยครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักจะตั้งความหวังไปที่ลูกมากจนเกินไป จนทำให้ลูกอึดอัดและกดดัน กล า ยเป็นไม่สนใจและไม่อย ากฟังสิ่งที่เราจะพูด แต่สำหรับครอบครัวนี้ เขากลับใช้เวลา ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในการชวนลูกมาเล่นเกม และไม่ต้องทำการบ้านโดยคุณแม่จะถามว่า ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง ลูกตอบ ขอเล่นอีก 30 นาที แม่ตอบกลับไปว่า โอเค ต้องรั ก ษ าคำพูดนะ

เมื่อถึงเวลา 30 นาที แม่เดินกลับมาดู และยังเห็นลูกเล่นเกมอยู่ คุณแม่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังสงบอารมณ์ได้ และพูดกับลูกอ ย่ างใจเย็นว่า ปกติลูกเป็นคนรั ก ษ าคำพูดไม่ใช่เหรอ เมื่อลูกได้ฟัง คำพูดของแม่ ก็เริ่มรู้สึดผิ ดต่อสิ่งที่ทำ และเดินไปปิดสวิทช์ และ รีบไปทำการบ้านทันทีนี่เป็นสาเหตุมาจาก การเป็นคนน่าเชื่อถือ ของคุณแม่ท่านนี้ เพราะเวลาคุณแม่รับปากอะไรกับลูกไว้

เธอก็จะทำต ามนั้นได้เป๊ะ ๆ ไม่เคยผิ ดคำพูดกับลูก เช่น จะพาลูกไปเที่ยว จะซื้อของเล่นให้ เธอก็ทำต ามคำพูดได้ทุกครั้ง มันแสดงให้เห็นว่า คุณแม่ท่านนี้เป็นคนที่ให้วคมาสำคัญกับการรั ก ษ า คำพูดเป็นอ ย่ างมาก เมื่อรับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ และสอนลูกให้รู้จักรับผิ ดชอบต่อคำพูดของตัวเอง แล้วคำพูดก็เลยดูศักดิ์สิทธิ์ผลปรากฎว่า พ่อแม่ที่ไม่บ่นเรื่อนเปื่อย แต่ใช้วิ ธีปลูกฝังจิตสำนึก

ให้ลูกแทน ใช้เหตุผลในการคุยกับลูกมากกว่าอารมณ์ สอนให้ลูกรู้จักรั ก ษ าคำพูดของตัวเอง และทำต ามที่พูดไว้อ ย่ างเคร่งครัด ทำให้ลูกให้ความสำคัญกับคำพูดมาก โดยที่เราไม่ต้องไปบ่นให้ เขามากมาย เขาสามารถสำนึกและคิดได้เอง ถ้าอย ากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ ถ้าอย ากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ถ้าอย ากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรั ก ษ าคำพูด ถ้าอย ากให้ลูกพูดเพราะหรือมีม า รย า ท ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน

3. ขี้เกียจช่วยลูกทำงานบ้าน

คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า เธอไม่เคยสอนหรือช่วยทำการบ้านให้ลูกของเธอเลย แม่จะบอ กลูกแค่ว่า ให้ทำการบ้านเวลาไหน ควรทำเวลาไหน แล้วก็ไล่ให้ลูกไปทำ พอทำเสร็จก็ค่อยบอ กแม่ และเธอก็จะไม่ตรวจสอบว่าลูกทำถูกต้องหรือไม่ เพราะการตรวจสอบนั้น มันเป็นหน้าที่ของลูก หรือให้รู้ว่าถูกผิ ดจากที่โรงเรียน คุณแม่แค่เซ็นชื่อให้เท่านั้นเองช่วงแรก ๆ

ลูกของเธอก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า ทำไมแม่ถึงขี้เกียจแบบนี้ แม่คนอื่นเขาช่วยตรวจการบ้านให้ลูกกันทั้งนั้น เธอจึงตอบลูกไปว่า ที่แม่ไม่ตรวจการบ้านลูก ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจ หรอ กนะ แต่ลูกลองคิดดูสิ ถ้าแม่ตรวจให้ แล้วลูกจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำผิ ดตรงไหน แล้วตอนสอบเวลาลูกทำผิ ด จะรู้ไหมว่าผิ ดตรงไหน ลูกต้องฝึกตรวจความถูกต้องด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง

เพราะในห้องสอบไม่มีใครช่วยลูกตรวจได้ จำไว้นะลูกว่า ตอนลูกอยู่ในโรงเรียน ลูกจะได้รับบทเรียนก่อน แล้วถึงได้ทำข้ อสอบ แต่สำหรับในโลกความจริง ลูกจะต้องเจอบททดสอบก่อน

ถึงจะได้บทเรียนการที่เธอขี้เกียจสอนการบ้าน หรือช่วยลูกทำการบ้าน ทำให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากที่สุด ลูกจะได้รู้จักพึ่งพาตัวเอง ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ หากคิด ไม่ออ กหรือทำไม่ได้ ค่อยมาขอคำแนะนำจากแม่ได้ ผลปรากฎว่า สำหรับพ่อแม่ที่มีนิสัยขี้เกียจตีกรอบความคิดให้ลูก แต่ปล่อยให้ลูกคิดเองอ ย่ างอิสระ หรือทำทุกอ ย่ างด้วยการตัดสินใจของตัวเอง

ได้อ ย่ างอิสระ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังให้ความสนใจลูกและคอยดูอยู่ห่าง ๆ จะทำให้ลูสามารถเผชิญกับปัญหาได้ดี เขาจะมีภูมิคุ้มกัน มีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้วันหนึ่งคุณจะ ไม่ได้อยู่ปกป้องเขาแล้วก็ต าม

ที่มา l i e k r  fahhsai

Related posts